วัตต์ (Watt) เป็นหน่วยวัดของพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีสัญลักษณ์ว่า W หรือ เขียนเป็น kW (kilowatt) หรือ MW (megawatt) เป็นต้น วัตต์ถูกนำมาใช้เพื่อวัดปริมาณพลังงานที่ใช้ในการทำงานของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่างๆ โดย 1 วัตต์เท่ากับการใช้พลังงาน 1 จูล์ตต่อวินาที (Joule/second) หรือ 1 โวลต์คูณแอมป์ (Volt x Ampere)
นอกจากนี้ วัตต์ยังเป็นหน่วยวัดที่นิยมใช้ในการอธิบายพลังงานที่เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ใช้ โดยมักนำมาคำนวณค่าไฟฟ้าที่ใช้ในหน่วยของเงิน (หรือเรียกว่าค่าไฟฟ้า) ซึ่งการคำนวณนี้จะใช้หลักการว่า การใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นการใช้พลังงานต่อเวลา ซึ่งสามารถแปลงเป็นจำนวนเงินได้โดยการคูณจำนวนวัตต์ที่ใช้กับราคาต่อหน่วยของไฟฟ้า (บาทต่อหน่วย) แล้วคูณกับเวลาที่ใช้ (ชั่วโมงหรือนาที)
นอกจากนี้ วัตต์ยังมีความสัมพันธ์กับแรงดันไฟฟ้า (Voltage) และกระแสไฟฟ้า (Current) โดยใช้สูตร P = VI ซึ่ง P คือ พลังงาน (Power) หน่วยเป็นวัตต์ (Watt) และ V คือ แรงดันไฟฟ้า (Voltage) หน่วยเป็นโวลต์ (Volt) และ I คือ กระแสไฟฟ้า (Current) หน่วยเป็นแอมป์ (Ampere)
วัตต์ (Watt) ถูกตั้งชื่อตามชื่อของนักฟิสิกส์ชื่อดังจากสกอตแลนด์ชื่อว่า James Watt โดยเขาเป็นนักวิจัยและผู้ประดิษฐ์สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรไอน้ำในประเทศสกอตแลนด์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19
ในปี 1765 จากการทำงานกับเครื่องจักรไอน้ำ Watt ได้พบว่าการใช้ไอน้ำในการขับเคลื่อนเครื่องจักรมีปัญหาเนื่องจากไอน้ำจะต้องถูกแปรสภาพจากสภาวะของน้ำไปยังสภาวะก๊าซ ซึ่งทำให้มีการสูญเสียพลังงานในกระบวนการแปรสภาพ ด้วยความสำเร็จในการปรับปรุงเครื่องจักรและใช้เครื่องจักรไอน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น จึงทำให้วัตต์เป็นบุคคลสำคัญในการพัฒนาเครื่องจักรและเทคโนโลยีในยุคนั้น
นอกจากนี้ วัตต์ยังเป็นผู้แต่งหนังสือเกี่ยวกับการทำงานของเครื่องจักรและเครื่องยนต์สมองเสริม และได้ร่วมงานกับนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอื่นๆ เช่น Joseph Black และ John Robison เพื่อศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับไอน้ำและการใช้พลังงาน
นอกจากนี้ วัตต์ยังมีความสำคัญในการสร้างสรรค์ชื่อเสียงของชาติสกอตแลนด์ เขาถือเป็นบุคคลสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีและเป็นสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ในสกอตแลนด์
วัตต์เสียชีวิตในปี 1819 ในอายุ 83 ปี แต่ผลงานและสิ่งที่เขาได้ทำไว้ก็ยังคงมีผลสร้างสรรค์และมีผลกระทบต่อวิชาการและเทคโนโลยีในปัจจุบัน ในการต่อยอดอย่างมากมาย